พฤศจิกายน 21, 2552

วิธีสร้างความสุข : กินวิตามิน


วิธีการสร้างความสุข ง่ายๆก็คือการกินวิตามินความสุขครับ O_o หลายๆคนคงสังสัยว่าแล้วเจ้าวิตามินความสุขมันคืออะไรล่ะ เจ้าวิตามินความสุขที่ว่านี้ก็คือ วิตามินบีรวมครับ

วิตามินบีรวม เป็นกลุ่มของวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นประสาทและความสมบูรณ์ของอวัยวะ ต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยวิตามิน บี 1, บี 2, ไนอะซีน, แพนโทธีนิก แอซิด, บี 6, บี 12, โฟลิก แอซิด, ไอโนซิทอล และโคลีน วิตามินบีรวม เหมาะสำหรับการบำรุงสุขภาพของผิว ผม สายตา ตับ และยังมี ประโยชน์อย่างมากในการรักษาความผิดปกติของเส้นประสาท บรรเทาอาการหมดแรง หงุดหงิดง่าย ปวดศรีษะ อาการหลงลืม บรรเทาอาการทางประสาท ความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวันก็ยังทำให้ร่างกายต้องการ วิตามินบีรวม มากยิ่งขึ้น



วิตามินบี จะถูกพบมากใน ข้าวซ้อมมือ หรือข้าวแดง, ข้าวโอ๊ต, น้ำนม นมเปรี้ยว, โยเกิร์ต, เนื้อหมู, ตับ, ถั่ว, รำข้าว, ผักใบเขียว, ปลา, เนื้อกระต่าย, ไก่เนื้อ, ปลาทูน่า, แป้งสาลี่ที่บดทั้งเมล็ด, เมล็ดในดอกทานตะวัน, ถั่ว และยีสต์ เครื่องใน เช่น ตับ, ไต (เซี่ยงจี๊), หัวใจวัว, ไตวัว เป็นต้น อีกทั้งยังมี วิตามินบีรวม ที่สกัดเป็นเม็ดขายอยู่ตามร้านขายยาทั่วไปอีกด้วย เอาเป็นว่ายังไงก็เลือกให้เหมาะสมกับตัวคุณละกันว่าจะทานแบบไหน ส่วนใครที่ยังไม่รู้ก็ไปปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ดูก่อนก็ได้

ถึงแม้ วิตามินบีรวม พวกนี้จะสร้างความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กับผู้ที่กินเข้าไป แต่ก็ไม่ได้เป็นวิตามินที่สร้างความสุขให้กับคุณตรงๆ หรอกนะ ก็แน่หล่ะ หากว่ามีดอกเตอร์คนไหนสร้างยาที่สร้างกินเข้าไปแล้วมีแต่ความสุขล่ะก็ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ ^^ แต่ถึงยังไงการทาน วิตามินบีรวม เข้าไปก็เหมือนการแอบสร้างความสุขให้คุณผ่านทางร่างกายที่มีแต่ความรู้สึกสดชื่นผ่าน แจ่มใส ยังไงล่ะ

แล้วอีกอย่างหนึ่ง การทาน วิตามินบีรวม ทานได้ทุกวันยิ่งดี ไม่เฉพาะว่าจะทานเวลาที่มีความเครียดเท่านั้นนะ เพราะว่าการทานทุกวัน ยิ่งทานเข้าไปเท่าไรก็เหมือนกับมีเกราะป้องกัน ทำให้ร่างกายรู้สึกดีดี เหมือนกับมันเข้าช่วยบำรุงสุขภาพของคุณให้แข็งแรง รู้สึกสดชื่นอยู่ตลอดยังไงล่ะ


พฤศจิกายน 18, 2552

วิธีสร้างความสุข : เข้าใจตัวเอง


การเข้าใจตัวเองในที่นี้หมายถึง เข้าใจว่าตอนนี้ตัวเองต้องการอะไร บางคนคิดว่าตัวเองนั้นเข้าใจตัวเองที่สุดในโลกแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้ว คุณอาจจะไม่เคยเข้าใจตัวเองเลยก็ได้ บางคนก็มักจะสับสนตัวเองอยู่เสมอว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันดีแล้วหรอ การเรียนรู้ใจตัวเองให้รู้ชัดกระจ่างแจ้งนั้นยังเป็นสิ่งที่ยากและเรายังต้องวิ่ง หมุน วน อยู่หลายรอบนัก

คนบางคนใช้เวลาค่อนชีวิต ในการทำความเข้าใจความคิดของตัวเองและบางครั้งที่คิดว่าเข้าใจแล้วว่าเป็นอย่างไรแล้วนั้น บางครั้งบางคราว เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะเกิดความสับสนขึ้นมาได้อีก บางคนเคยคิดว่าเป็นแบบนี้แหละดีที่สุด นี่แหละคือตัวเรา แต่ทำไมถึงยังไม่มีความสุขอีกล่ะ

ลองหาเวลาว่างๆสักวัน มานั่งคิด นอนคิด ในสิ่งที่คุณต้องการว่าชีวิตของคุณตอนนี้ เวลานี้ มันเป็นแบบที่คุณต้องการรึป่าว ขาดอะไรไปบ้างมั้ย คนเรานั้นมันไม่เหมือนกัน เพราะว่าชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ ร้อยคนคงจะมีคนที่เลือกทางเดินชีวิตให้ชีวิตได้ไม่ถึงสามสิบคน แต่ถึงยังไงจริงๆแล้วคุณก็คงจะรู้ใช่มั้ยว่าตัวคุณเองอยากจะทำอะรมากที่สุด

ขอให้มองสิ่งที่อยู่ในตัวตนของเราก่อนให้รู้กาย ให้รู้ใจ ของตัวเอง และหัดปล่อยวางบ้าง เพราะทุกสิ่งไม่ใช่ของเราเมื่อไม่ใช่ของเรา ความสุข ความทุกข์ ก็อยู่กับเราไม่นาน มาแล้วก็ไปอย่าหลงระเริงกับความสุข เตรียมตัวกับความทุกข์อย่างมีสติ


พฤศจิกายน 17, 2552

วิธีสร้างความสุข : ออกท่องโลกกว้าง


เคยรู้รึป่าวว่า ฝรั่งเค้าจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่และเก็บเงินไว้ และเมื่อถึงเวลาพักผ่อนเค้าก็จะหยุดยาวนำเงินที่เก็บหอมรอมริบนั้นออกมาท่องเที่ยวหาความสุข สักครึ่งปีหรือหนึ่งปี ส่วนเราๆก็คงได้แต่อิจฉาตาร้อนกันไป เพราะว่าคนไทยอย่างเราๆไม่ได้เป็บแบบนั้นไปซะหมด และยิ่งเศรษกิจแบบนี้ บางคนบอกได้คำเดียวว่า "ไม่มีทาง"

แต่ก็ลองๆมาคิดดูแล้วสำหรับคนไทยอย่างเราๆ ทางออกที่ดีที่สุดก็คือการลาพักร้อน สักอาทิตย์นึง หรือ สองอาทิตย์ก็คงจะพอแล้วหล่ะ ก็ไม่จำเป็นจะต้องเลียนแบบพวกมีเงินเค้าหรอก ^^



ส่วนการที่บอกให้ออกไปดูโลกภายนอกบ้าง ก็คงเพราะ การได้ออกไปเห็นโลกภายนอกที่ไกลๆบ้าน ไปเปิดหูเปิดตา จากที่ๆเคยอยู่ ก็สามารถทำให้เพิ่มความสุขกับชีวิตคุณมากขึ้นแล้วล่ะ ดีกว่าอยู่กับบ้านเอ่ยๆเฉ่ยๆ ขอให้ที่ๆไปจะเป็นที่ไหนก็ได้ ใกล้ไกลไม่สำคัญ ขอให้เป็นสถานที่ๆคุณอยากไป และก็เป็นสถานที่ๆไม่ลำบากเรื่องเงินด้วย ก็จำทำให้คุณสบายตัวและสบายกระเป๋าด้วย ที่สำคัญการได้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกก็เหมือนกับการออกไปชาร์ทพลังในการทำงานของคุณให้กลับคืนมาเหมือนเดิมยังไงล่ะ

สุขกายสบายใจ . . .

วิธีมีความสุข Part 2


มาอ่านต่อกันกับวิธีมีความสุขนะ ^^

11. อย่าให้ความคุ้นเคยกลายเป็นไม่ไว้หน้า หากคุณให้เกียรติกับเพื่อนฝูง บุคคลอื่น หรือคนในครอบครัว คุณก็ควรได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน
12. มอบความรัก ความรู้สึกดีๆให้ครอบครัวและเพื่อนๆ อย่าเขินที่จะบอกคนเหล่านี้ว่าคุณรักพวกเขาตรงไหน เมื่อพวกเขาทำอะไรดีๆ ให้ก็กล่าวคำชื่นชมบ้าง คำชมเล็กๆ น้อยๆ คงไม่ยากเกินไปนะ
13. อย่ารับปรับทุกข์ทุกเรื่อง (ย้ำว่าอย่ารับมาซะหมดทุกเรื่อง) หากปัญหาของเพื่อนเริ่มมีผลกระทบต่อตัวคุณ ก็ไม่ต้องฝืนทำตัวเป็นเสาหลักให้เขาพิงอยู่เรื่อยไป ให้เพื่อนหัดแก้ปัญหาและก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง
14. ติดต่อเพื่อนเก่าหรือคนที่ห่างหายไปนาน คุณอาจขาดการติดต่อกับเพื่อนไปนาน แต่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะโทรศัพท์ ส่งอีเมล์ หรือเขียนจดหมายถึงเขา และนานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้คุยกับป้า ท่านอยากได้ยินเสียงคุณจะแย่แล้ว
15. บำรุงอารมณ์ด้วยสีเขียว ดอกไม้สดจากสวน หรือตื่นแต่เช้าไปตลาดซื้อดอกไม้ ผักผลไม้ราคาไม่แพงมาแต่งบ้านให้สดใส คุณเคยมีสวนกระถางในบ้านไม่ใช่หรือ นำกลับมาอีกครั้ง แล้วบ้านคุณจะชุ่มชื่นมีชีวิตชีวาแน่นอน
16. ไปท่องโลกกว้างกันดีกว่า ทิวทัศน์กว้างไกล สายลม เกลียวคลื่น สองเท้าเปลือยเปล่าย่ำบนผืนทราย และแสงแดดระยับ ไม่มีอะไรทำให้จิตใจเริงรื่นชื่นบานได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
17. สร้างสรรค์ผลงาน จะเป็นภาพเขียน งานปั้น เย็บปักถักร้อย อบขนม จัดสวน หรืออะไรก็ได้ อย่าทำให้ตัวเองอยู่เฉยๆ เดี๋ยวจะฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก
18. สูดอากาศบริสุทธิ์ ออกไปข้างนอกหรือเปิดหน้าต่างกว้างๆ สูดหายใจให้เต็มปอด คุณจะรู้สึกว่าอากาศเสียถูกขับออกจากตัว
19. ออกไปเดินเล่น การออกกำลังเบาๆ จะช่วยเติมชีวิตชีวาให้คุณทั้งร่างกายและจิตใจตั้งแต่เดินเล่นครั้งแรกเลยทีเดียว การออกกำลังสม่ำเสมอจะทำให้คุณกระปรี้กระเปร่าและรู้สึกดีขึ้นทุกวัน
20. ดูหนังตลกและหัวเราะให้สบายใจ ร้านให้เช่าวิดีโอมีหนังเบาสมองให้เลือกมากมาย จะเป็นหนังไทยหรือฝรั่งไม่สำคัญ ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาบ้าง
21. ย้ายเครื่องเรือนและของแต่งบ้าน หรืออาจทาสีห้องและผนังใหม่ด้วย รับรองว่าบรรยากาศที่ได้คุ้มค่าไม่แพ้วันหยุดเลยทีเดียว
22. รอคอยสิ่งดีๆ เช่นวันหยุดพักร้อน ออกไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ไปนวดแผนโบราณ
23. ชวนเพื่อนมากินมื้อค่ำ จัดห้องและโต๊ะอาหารที่บ้านให้แปลกไปจากเดิม เสิร์ฟเครื่องดื่มค็อกเทลหรือแชมเปญ เปิดเพลงเสริมบรรยากาศ สนุกกับการเตรียมอาหาร ทุกคนจะปลาบปลื้มหากเห็นว่าคุณทุ่มสุดฝีมือ แล้วค่ำคืนนั้นก็จะครึกครื้น
24. ยิ้มไว้ ยิ้มเป็นโรคติดต่อ ไม่เชื่อก็ลองยิ้มดูสิ ^^
25. ทำให้คนอื่นมีความสุขบ้าง ทำเพื่อตัวเองมามากแล้วก็น่าจะทำเพื่อคนอื่นบ้าง เริ่มจากอดกลั้นไม่บีบแตรไล่รถที่วิ่งเหมือนเต่าคลาน หรืออาสาช่วยงานกุศล เพียงเท่านี้ การใช้ชีวิตให้สุดคุ้มก็ไม่ยากอย่างที่คิด

ถ้าใครปฎิบัติได้ตามที่กล่าวมานี่ ชีวิตก็คงมีความสุขขึ้นอีกเยอะล่ะนะ . . . Good Luck

วิธีมีความสุข Part 1


ชีวิตของแต่ละคนนั้นย่อมไม่เหมือนกัน มีทั้งทุกข์ละสุขคละเคล้าปะปนกันไป ถ้าหากคุณต้องการที่จะมีความสุขอยู่ตลอดล่ะก็ คุณต้องรู้จักซึมซับความรู้สึกอื่นๆ ที่เกิดกับตัว ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้าหรือความโกรธที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน อีกทั้งต้องยอมรับในสิ่งที่คุณมีและสถานภาพที่คุณเป็น เพื่อจะได้มีความสุขกับชีวิตมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจงจำไว้ว่าชีวิตคนเรามีทั้งขึ้นและลง

หากใครยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมจึงไม่มีความสุขทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีชีวิตที่ลำบากยากแค้นอะไร ก็ลองอ่านข้อคิดต่อไปนี้ดูเผื่อจะคิดได้ว่า “เราเองก็มีชีวิตที่ดีทีเดียว”

1. คิดใหม่ ใช้ชีวิตให้เหมือนกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย พรุ่งนี้โลกจะแตกก็คิดไป ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด อย่าปล่อยเวลาให้สายเกินไป จะท่องเที่ยวไปในโลกกว้างหรือติดต่อพบปะเพื่อนฝูง ก็ตามแต่ใจของคุณ เราทุกคนก็ควรตระหนักว่าอาจไม่มี “พรุ่งนี้” ก็ได้

2. จดบันทึก เขียนเล่าถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณทุกวัน การคิดแต่สิ่งดีๆสามารถช่วยแก้ปัญหาและขจัดเรื่องไม่ดีที่รกสมองออกไปได้ด้วย ลองเริ่มคิดเริ่มเขียนตั้งแต่วันนี้ รับรองได้ผลแน่

3. มองในแง่มุมอื่นบ้าง ลองคิดว่าคุณอยากให้คนอื่นจดจำคุณในด้านใด หรือหากวันหนึ่งต้องเล่าเรื่องชีวิตตนเองให้หลานๆ ฟัง คุณจะเล่าอะไร คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์และถูบ้านทุกวันหรือ ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อมองย้อนกลับไป อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไรก็จงรีบทำเสีย

4. อย่าให้เรื่องเล็กน้อยกวนใจ ไม่คุ้มหรอกที่จะหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากคนขับรถคันข้างๆ ไม่ยอมให้คุณเบียดเข้าเลนก็ยิ้มและโบกมือให้เขาไปเลย แล้วจะหงุดหงิดไปทำไมหากพลาดรถเที่ยวเช้า หากาแฟดื่มขณะนั่งรอคันต่อไปดีกว่า

5. ทำงานยากให้เสร็จ ลงมือได้แล้วอย่าผัดวันประกันพรุ่ง โอ้เอ้ไปก็มีแต่ทำให้หนักใจเหนื่อยกาย ไหนๆ งานนี้ก็ต้องทำโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง ก็น่าจะทำให้เสร็จแทนที่จะมัวกังวลและคิดจนรกสมอง

6. เลิกทำตัวจำเจ ชีวิตคงหน้าเบื่อหากทำอะไรซ้ำซากทุกวันทุกสัปดาห์ เราน่าจะมีเรื่องแปลกใหม่มาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยบ้าง ถ้าเอาแต่นอนตื่นสายทุกวันอาทิตย์ก็น่าจะลุกขึ้นมาแต่เช้าไปกินอาหารอร่อยๆ นอกบ้าน หรือไปตลาดแล้วจ่ายกับข้าวมาทำอาหารมื้ออร่อยกินกันที่บ้าน

7. อย่าเปรียบตัวเองกับคนอื่น ใครจะรวย จะมีเครื่องเสียงแพงๆ รุ่นล่าสุด หรือรถหรูใหม่เอี่ยมไม่ต้องสนใจ หากดูให้ดีๆ คุณอาจพบว่าคนพวกนี้ต้องทำงานสัปดาห์ละเจ็ดวัน ไม่มีเวลาเจอหน้าคนในบ้านหรือเพื่อนฝูง หรืออาจต้องผ่อนหนี้สินไปอีกหลายสิบปี แล้วชีวิตอย่างนี้ดีจริงหรือ

8. กำจัดข้าวของรกในบ้าน เสื้อผ้าที่ไม่เคยใส่มาเป็นปี เครื่องครัวที่ตั้งอยู่ตรงนั้นจนน้ำมันจับเป็นคราบหนา ไหนจะของเล่น หนังสือเก่า และเครื่องเรือน ยกไปบริจาคเถิด นอกจากจะได้บุญแล้ว ชั้นวางของและห้องต่างๆ ในบ้านจะโล่งและเป็นระเบียบมากขึ้น

9. รู้จักเอ่ยคำว่า “ไม่” ไม่ต้องลงมือทำเองทุกเรื่องเพราะชีวิตคุณก็วุ่นวายพออยู่แล้ว ไหนจะต้องทำเรื่องโน้น สะสางเรื่องนี้ ปล่อยให้สมองมีที่ว่างเพื่อคิดหรือทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง

10. รดน้ำต้นรัก รักคู่ครองของคุณอย่างที่เขาเป็น ที่คุณคิดว่าเขาเปลี่ยนไปนั้นเป็นความจริงหรือ ของทุกอย่างเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งก็ต้องบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมเป็นธรรมดา ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาก็เช่นกัน ต้องมีการดูแลใส่ใจกันบ้าง

พฤศจิกายน 15, 2552

The Arsenal Project


เป็นแฟนบอลของอาร์เซน่อลมาได้เกือบสิบปีละ คอยติดตามลุ้นละเชียร์ทีมรักอยู่ตลอดเวลา แต่คำถามเคยโดนถามจากแฟนบอลทีมอื่นๆคือ ทำไมถึงเลือกเชียร์อาร์เซน่อล? ทำไมเป็นแมนยูหรือลิเวอร์พูลล่ะ? เมื่อไหร่จะได้เป้นแชมป์กับเค้าวะ? ทำไมไม่ซื้อตัวเก่งๆเข้ามา? สารพัดคำถามที่โดนถามมาแม้แต่แฟนบอลอาร์เซน่อลเองบางคนก็อาจไม่เข้าใจทีมตัวเองเหมือนกันในบางครั้ง

แม้ 3 ปีหลังมานี้อาร์เซนอลจะไม่มีถ้วยแชมป์ใดๆติดมือ แต่ในแง่ของธุรกิจแล้วอาร์เซนอลยังคงไปได้สวย ด้วยสไตล์การเล่นที่น่าติดตามทำให้รายได้ของสโมสรเพิ่มขึ้นทุกปีๆ แม้ว่าเงินที่ได้มาจะต้องเอาไปลงให้กับหนี้ที่กองท่วมอยู่จากการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ของสโมสรแทนที่บ้านเก่าอย่างไฮบิวรี่ แต่ทิศทางการเงินของสโมสรก็ยังคงมั่นคง ตราบใดที่มีชายชื่ออาร์แซน เวนเกอร์ นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการทีมอาร์เซนอล

อาร์แซน เวนเกอร์ อยู่กับอาร์เซนอลมาแล้ว 11 ปี เขาถูกยกย่องว่าเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ทั้งในด้านถ้วยรางวัล หรือจะเป็นสไตล์การทำทีม เขาคือผู้พลิกโฉมหน้าจากอาร์เซนอลผู้น่าเบื่อหน่าย กลายเป็นอาร์เซนอลที่เล่นฟุตบอลสวยงามและน่าติดชมมากที่สุด

จาก"ใครวะอาร์แซน" วาทะอมตะที่แฟนบอลต่างตั้งคำถามต่อตัวผู้จัดการทีมอาร์เซนอลคนใหม่ ที่สโมสรไปคว้าตัวมาจากสโมสรนาโกย่า แกรมปัดเอส แห่งแดนปลาดิบ กลายเป็น"ขาดอาร์แซนเหมือนขาดใจ" ไปแล้วสำหรับวันนี้อาร์แซน

เวนเกอร์เริ่มต้น'The Arsenal Project' ด้วยการคว้าตัววิเอร่า วัย 21 ปีมาร่วมทีม โดยที่ขณะนั้นอาร์เซนอลยังคงเป็นทีมที่ตัวเก๋าทีมชาติอังกฤษเต็มทีม เป็นช่วงท้ายๆแล้วสำหรับอาชีพการค้าแข้งของพวกตำนานนักเตะของสโมสร ไม่ว่าจะเป็น ซีแมน อดัมส์ ดิ๊กซั่น วินเทอเบิร์น โบลด์ พาเลอร์ หลังการค่อยๆจากไปของตัวเก๋าทั้งหลาย รูปลักษณ์ของอาร์เซนอลก็เริ่มกลายเป็นทีมในจินตนาการของเวนเกอร์ ที่เขาวางไว้ตั้งแต่ต้น

การเข้ามาของนักเตะโนเนมแต่พรสวรรค์สูงหลายคน เช่น อเนลก้า เปอร์ตี โอเวอร์มาส์ ลุงเบิร์ก ปิแรส หรือการไปดึงเอานักเตะที่มีแววแต่ถูกลืมของสโมสรต้นสังกัด เช่น วิเอร่า อองรี เหล่านี้คือโมเดลของเวนเกอร์ที่เขาวางแผนสำหรับระยะยาว และเมื่อแต่ละปีผ่านไป นักเตะที่เวนเกอร์เซ็นสัญญามาร่วมทีมก็จะอายุน้อยลงเรื่อยๆ และอายุเฉลี่ยของทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอลก็น้อยลงเรื่อยๆเช่นกัน และอย่างที่รู้กันเมื่อพวกเขาเหล่านั้นอยู่ในฟอร์มที่สุดยอด"พวกเขาจะถูกขายออกไป !!!"ถึงแม้บางกรณีเวนเกอร์เองจะไม่อยากขายเลยก็ตาม ยกตัวอย่างกรณีของ อเนลก้า ในวัยเพียง 19 ปี เขาระเบิดฟอร์มสุดยอด ยิงประตูเป็นว่าเล่น ประสานงานกับเดนนิส เบิร์กแคมป์อย่างลงตัวที่สุด และเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุด ณ ขณะนั้น แต่ด้วยทัศนคติที่ย่ำแย่ของอเนลก้าเอง ทำให้เวนเกอร์จำใจต้องขาย ทั้งที่เขารู้ว่าหากอเนลก้าอยู่กับอาร์เซนอลต่อไป เขาจะพัฒนาจนกลายเป็นสุดยอดดาวยิงของโลกแน่ๆ

ส่วนในกรณีอื่นๆนั้น เวนเกอร์เขามีแผนแล้วในใจ เขาจึงยอมปล่อยนักเตะออกไป เช่นโอเวอมาส์ไป ปิแรสก็มา วิเอร่าไปเขามีเด็กมหัศจรรย์อย่างเชสอยู่ในมือ อองรีไปเขามองว่าอเดบาร์ยอจะทำหน้าที่ดาวยิงของสโมสรแทนได้แน่ แต่ก็มีเหมือนกันบางคนที่เวนเกอร์ไม่ยอมปล่อยไปไหน เช่นเดนนิส เบิร์กแคมป์ ที่เขารั้งไว้จนแขวนสตั๊ดกับสโมสร นั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่านักเตะสไตล์ไหน ที่เวนเกอร์รักเป็นพิเศษ

แถมตอนนี้พวกดาวรุ่งตีนระเบิดที่จ่อขึ้นชุดใหญ่ ที่ฝีเท้าไม่เป็นรองใครก็เต็มไปหมด เช่น บาราไซต์ เมอริด้า เรนดอล แลนบิวรี่ ซิมสัน นอร์เวียต ฟอนเต้ กิ๊บ แมนโนเน่ และอีกหลายคน แต่มีคนหนึ่งที่ทำสำเร็จไปแล้วคือ แจ็ค วิลเชียร์ ที่ถูกดันขึ้นชุดใหญ่ไปแล้ว

เพราะฉะนั้น ถ้าหากถามผมว่าเป็นห่วงมั๊ยว่าอาร์เซนอลจะไปไม่รอดในฤดูกาลนี้ ผมตอบได้เต็มปากว่าไม่ห่วง เพราะว่าผมมั่นใจเต็มที่กับเด็กปืนเหล่านี้ ถึงแม้หลายทีมจะเสริมนักเตะอย่างน่าจับตามอง แต่ผมก็มองว่าทีมเหล่านั้นรวยอย่างเดียวไม่พอต้องบ้าด้วย ถึงจะทุ่มซื้อนักเตะแบบนั้นได้ และตราบใดที่อาร์เซนอลยังคงมีคนชื่อเวนเกอร์ คุมทีมอยู่ เขาไม่มีวันทำลายสิ่งที่เขาสร้างมาด้วยมือเขาเองแน่ๆ

"ผมอยู่ในสถานะที่จะจ่ายเงินซื้อใครก็ได้ แต่ผมไม่มีวันทำแบบนั้น เพราะนั่นคือการตัดโอกาสเด็กๆที่ผมสร้างมากับมือ"

***โดนใจบ้างไหมล่ะ***

เครดิต : fat_kj

พฤศจิกายน 14, 2552

"ความสุข" อยู่ที่ตัวเรา



ความสุข อยู่ที่ไหน ?? ทำไมบางคนถึงได้มีความสุขตลอดเวลาทั้งๆที่เขาไม่มีเงินทองมากมาย ไม่มีเสื้อผ้าหรูๆใส่ ทำไมบางคนถึงดูไม่มีความสุขเอาเสียเลยทั้งๆที่รวยล้นฟ้า ถึงแม้จะพยายามใช้เงินไขว่คว้าหาเท่าไรก็ไม่เจอสักที

ความสุข เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนอยากมีไว้ในครอบครอง และมีส่วนน้อยที่ได้รับความสุขนั้นมา เพราะถึงจะรวยล้นฟ้าเท่าไรก็ไม่สามารถนำไปหยิบยื่นซื้อความสุขนั้นมาได้ บางคนถึงขนาดออกเดินทางออกไปยังสถานที่ห่างไกลเพื่อแค่หวังว่าอยากจะพบเจอกับความสุขจริงๆสักที แต่สุดท้ายที่ได้พบก็คือ ความสุข เพียงชั่วคราว

ที่จริงแล้วนั้น ความสุข นั้นอยู่กับตัวเราทุกวันและยังเวียนวนอยู่รอบๆตัวเรา ซึ่งหลายๆคนมองข้ามไป บางคนใช้เวลาทั้งวันให้เสียไปกับการมานั่งกลุ้มใจ คิดไม่ตก กับหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน ความรัก มัวแต่คิดเล็กคิดน้อย สุดท้ายก็คือ ความทุกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ โดยเฉพาะบางเรื่องยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำแต่ก็ดันคิดไปก่อนซะได้

ถ้าตอนนี้คุณรู้สึกว่ากำลังแย่ งั้นเรามาเริ่มต้นในการสร้างความสุขจากตัวเรากันดีกว่า เริ่มจากการทำให้ตัวเราหยุดคิดถึงปัญหานั้นๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นการนึกถึงอะไรก็ตามที่คุณเคยทำแล้วมีความสุข แล้วจากนั้นก็ขอให้คิดเสียเถิดว่า ปัญหาของคุณมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ขอให้ปล่อยมันผ่านไป แต่ถ้าเป็นปัญหาหลีกไม่ได้ ก็อย่าไปกลัวมัน กล้าชนกับปัญหา ถึงจะแพ้กลับมาก็ขอให้คิดเสียเถิดว่า "ก็แค่ปัญหาแย่ๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง"

ถ้าคุณคิดได้อย่างนี้แล้ว ทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมาจงเดินไปที่กระจก จากนั้นก็ยิ้ม แล้วคุณจะพบว่า "ความสุข" มันอยู่ไม่ไกลเลยจริงๆ